คนไทยชอบรับประทานอาหารบุฟเฟต์มากกว่า A-la-carte เพราะมองว่าคุ้มค่า ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ คือพฤติกรรมคนไทยในการเลือกรับประทานอาหารนอกบ้านในวันนี้
แม้กระแสการรับประทานบุฟเฟต์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินในกระเป๋าผู้บริโภคน้อยลง ผู้บริโภคไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทยในอนาคตจึงใช้เงินอย่างประหยัดมากขึ้น
ยืนยันได้จากการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า มีผู้บริโภคมากถึง 46% คาดว่าเศรษฐกิจแย่ลงไปอีก 12 เดือนข้างหน้า
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ของผู้บริโภคต่อการรับประทานบุฟเฟต์ ซึ่งประกอบด้วย
1. บุฟเฟต์อาหารระดับแมสได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
ในวันนี้จะเห็นได้ว่าร้านบุฟเฟต์ที่มีราคาระดับแมสได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค เช่น สุกี้ตี๋น้อย หรือย่างเนย ซึ่งเป็นบุฟเฟต์ที่มีราคา 199 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนสุกี้ตี๋น้อยขยายสาขามากถึง 25 สาขา และย่างเนยมีสาขามากถึง 70 สาขาทั่วประเทศ
การเติบโตของร้านบุฟเฟต์ระดับแมสมาจากผู้บริโภคมองว่าการรับประทานบุฟเฟต์ราคาที่ไม่สูงจนเกินไป สามารถรับประทานได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการในปริมาณเท่าไรก็ได้ตามที่กระเพาะตัวเองจะรับไหว
2. เชนบุฟเฟต์ดึงลูกค้าด้วยแคมเปญที่คุ้ม
ทำให้แบรนด์บุฟเฟต์ในตลาดมีการปรับตัวจัดแคมเปญการตลาดต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น เช่น การจัดแคมเปญลดราคาเฉพาะวัน มา 4 จ่าย 3 หรือแม้แต่การจับมือกับบัตรเครดิต นำพอยต์บัตรเครดิตเป็นส่วนลดค่าอาหาร เป็นต้น
การที่ร้านอาหารเชนบุฟเฟต์จัดแคมเปญบุฟเฟต์อย่างต่อเนื่องมาจากผู้บริโภคมีพฤติกรรมการตัดใจเลือกร้านรับประทานอาหารบุฟเฟต์จากส่วนลดต่าง ๆ เพราะมองว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการรับประทานต่อครั้งได้เป็นอย่างดี
3. ร้าน A-la-carte ลงเล่นสงครามบุฟเฟต์
จากเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมารับประทานบุฟเฟต์ทำให้ร้านอาหารประเภท A-la-carte มีการปรับตัวนำไลน์บุฟเฟต์เข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจ อย่างเช่น ครัวเจ๊ง้อ, บ้านหญิง หรือการจัดแคมเปญบุฟเฟต์ดึงดูดผู้บริโภคแต่ละช่วงเวลามากขึ้น เช่น บาร์บีคิวพลาซ่า เป็นต้น
ทั้งนี้ แม้บุฟเฟต์จะเป็นตัวเลือกในการรับประทานอาหารที่คุ้มค่าของคนไทย แต่สิ่งที่สำคัญของธุรกิจบุฟเฟต์นอกจากราคา คือความสะอาด คุณภาพ รสชาติ และความหลากหลายของอาหาร ที่เป็นตัวสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพข่าวจาก
marketeeronline.co
